ธรรมะ พระพุทธศาสนา บทสวดมนต์ พลังจิต ความรู้
7.การเดินจงกรม
ก่อนเดินจงกรมให้ระลึกถึงคำว่า
“ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พุทโธ ๆ ๆ ” อยู่ในท่าสำรวม มือขวาวางทับมือซ้ายวางบริเวณหน้าท้อง
นึกบริกรรมคำว่า “ พุทโธ ๆ ๆ ” ไปเรื่อยๆ หรือใช้คำอื่นก็ได้
ใช้คำเดียวไม่ต้องเปลี่ยนเพื่อความชำนาญ (วสี) เดินปกติไม่ช้าไม่เร็ว เวลากลับให้กลับทางขวาเพื่อความเป็นสิริเป็นมงคล
(กลับทางซ้ายเปรียบกับการวนขึ้นเมรุ) เป็นการเปลี่ยนอิริยาบถหลังจากภาวนา ประโยชน์เป็นการสะสมพลังจิต
(วิหารธรรม , สมาธิตื้น) ออกกำลังกายไปในตัว
สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ต้องกำหนดเวลาให้กำหนดสติ เสร็จแล้วให้แผ่เมตตาด้วยคำว่า “
สัพเพสัตตา สุขิตาโหนตุ ขอให้สัตว์ทั้งหลายจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ”
สายตรงพ้นทุกข์ (ทางลัด) โดย พระ สุปัญญา ธนปัญโญ
สายตรงพ้นทุกข์ (ทางลัด) โดย พระ สุปัญญา ธนปัญโญ
6.อริยสัจ ๔ (มรรคสมังคี)
๑ ทุกข์ (ความทนอยู่ไม่ได้ ทนไม่ได้ เป็นเหตุทำให้ความไม่สบายกายใจเกิดขึ้น) ๒ สมุทัย
(ความไม่เที่ยง =
อนิจจัง ความแปรเปลี่ยน สลายไป
= อนัตตา ความบกพร่องต่างๆ
ความบกพร่องทางด้านจิตใจ
เป็นเหตุทำให้ตัณหาเกิดขึ้น) ๓ นิโรธ (ความสมบูรณ์ , ความพอตัวของจิต ความอยากจึงหมดไปฯ ทำให้เกิดความดับทุกข์) ๔ มรรค (ทางสู่ความดับทุกข์ มัชฌิมาปฏิปทา (มรรคมีองค์
๘ ทางสายกลาง) จึงไม่เป็นธรรมที่ล้าสมัย)
๑ สัมมาทิฎฐิ (ความเห็นชอบ) ๑.๑ ความเห็นชอบทั่วไป บาปมี และบุญมี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ๑.๒ ความเห็นชอบในกลุ่มของนักปฏิบัติผู้พิจารณา โดยกำหนดพิจารณากายเห็นว่าเป็นสิ่งไม่เที่ยง ไม่ควรประมาทนอนใจและหาวิธีแก้ไขเพื่อให้พ้นไปจากทุกข์ ๑.๓ ความเห็นชอบในธรรมที่ประณีต คือเห็นชอบในอริยสัจ ๔ ว่าเป็นของจริงอีกแบบหนึ่ง
๒
สัมมาสังกัปโป (ความดำริชอบ ความคิดชอบ) ๒.๑ คิดในการไม่เบียดเบียน
๒.๒ คิดไม่พยาบาทปองร้าย ๒.๓ คิดเพื่อพ้นไปจากทุกข์
๓
สัมมาวาจา (วาจาชอบ) ไม่พูดปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ๓.๑
วาจาชอบที่กล่าวทั่วไป ๓.๒
วาจาชอบที่กล่าวตามสุภาษิตไม่เป็นพิษภัยแก่ผู้ฟัง กล่าวมีเหตุผลน่าฟังจับใจ
กล่าวสุภาพอ่อนโยน ๓.๓ วาจาชอบยิ่ง คือกล่าวสัลเลขธรรม (เพื่อฆ่ากิเลสอย่างเดียว)
๔
สัมมากัมมันโต (การงานชอบ) ๔.๑ การงานชอบทั่วไปประการหนึ่ง
เช่น การงานที่ทำโดยชอบธรรมและไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ๔.๒
การงานชอบโดยธรรมประการหนึ่ง เช่น การให้ทานรักษาศีล ภาวนา เดินจงกรมและทำข้อวัตรต่างๆฯ
๕
สัมมาอาชีโว (อาชีพชอบ เลี้ยงชีพชอบ) ๕.๑ การแสวงหาอาชีพโดยชอบธรรม ๕.๒ การพิจารณาเป็นธรรม
จะนำอาหารคือโอชารสแห่งธรรมเข้ามาหล่อเลี้ยงหัวใจให้มีความชุ่มชื่นด้วยความฉลาดแห่งปัญญา
๖ สัมมาวายาโม (ความเพียรชอบ) ๖.๑ เพียรระวังอย่าให้บาปเกิด
ขึ้นในสันดาน
๖.๒ เพียรทำลายบาปที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดสิ้นไป ๖.๓ เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วอย่าให้เสื่อมไปและพัฒนาให้เจริญยิ่งๆขึ้น
สรุปคือความเพียรที่ประกอบด้วยปัญญา วิธีการที่ถูกต้องแม่นยำ
จังหวะที่ควรเร่งก็เร่งเต็มที่ จังหวะที่ควรพักก็ต้องพัก ลดความเพียรแล้วเปลี่ยนอิริยาบถ มีความปลอดภัย
สถานที่เหมาะสม มีกัลยาณมิตรคือครูอาจารย์แนะนำ
ปฏิบัติให้สม่ำเสมอด้วยหลักมัชฌิมาปฏิปทา
เมื่อมีความพอเพียงนิโรธก็
จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์และทำให้ความทุกข์ได้หมดสิ้นไปจากใจ
๗ สัมมาสติ (สติชอบ) สติปัฏฐาน ๔ คือสติกำหนดพิจารณากาย
เวทนา
จิต ธรรม ในที่นี้จะยกเอาสติกำหนดพิจารณาจิต
(ผู้รู้) นำมาแสดงพอให้เป็นที่เข้าใจ
เมื่อจิตสงบเพ่งเบาๆที่ฐานของจิต มโนภาพนึกให้สลายแยกออกตามเข้าไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องละเอียดมาก (โดยอนุโลมปฏิโลม) ด้วยความมีสติตัวรู้ตามตลอด
(สัมมาสติ) แรกเริ่มปฏิบัติสติตามไม่ทันไม่ต้องกังวล
ปฏิบัติให้สม่ำเสมอแล้วจะเกิดความชำนาญ (ดูหน้า ๓๖ – ๓๗
เพิ่ม)
๘
สัมมาสมาธิ (สมาธิชอบ) คือสมาธิที่สัมปยุตด้วยสติปัญญา ไม่ใช่สมาธิแบบหัวตอ (สงบอย่างเดียวไม่ออกทางปัญญา)
สัมมาสมาธิ เมื่อจิตสงบมีสติรู้อยู่ในองค์สมาธินั้นแล้วเพ่งเบาๆไปในที่ตั้งของจิต
เช่น ที่หน้าผากฯ มโนภาพนึกกำหนดให้สลายแยกออกตามเข้าไปเรื่อยๆ ไม่ต้องละเอียดมาก โดยอนุโลมปฏิโลม
จิตจะเป็นวิปัสสนาโดยอัตโนมัติ เรียกว่าการพิจารณาจิต (ผู้รู้) ออกทางปัญญา พิจารณาไตรลักษณ์
ทำให้สม่ำเสมอ เมื่อมีความพอเพียงนิโรธก็จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ = มรรคสมังคี = ความพอเพียงของมรรค = สอุปาทิเสสนิพพานฯ (ดูภาวนาหน้า ๑๐ เพิ่มเติม)
ในองค์มรรค
(มัชฌิมาปฏิปทา ,
ทางสายกลาง , ความพอดี ,
ความพอเพียงฯ) นั้น เห็นชอบ ดำริชอบ
สงเคราะห์เข้าเป็นปัญญาสิกขา วาจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ สงเคราะห์เข้าในศีลสิกขา เพียรชอบ
ระลึกชอบ สมาธิชอบ สงเคราะห์เข้าในจิตตสิกขา พระพุทธองค์ท่านได้ทรงตรัสไว้ว่า “ ภิกขู สัมมา
วิหะเรยยุง อะสุญโญ โลโก อะระหันเตหิ
อัส
สะฯ ตราบใดที่ยังมีผู้ปฏิบัติในมรรคมีองค์ ๘ โดยชอบ (สัมมา) แล้ว โลกนี้ก็จะไม่ว่างเว้นไปจากพระอรหันต์ฯ ” (มหาปรินิพพานสูตร ๑๐ / ๑๔๕
)
สายตรงพ้นทุกข์ (ทางลัด) โดย พระ สุปัญญา ธนปัญโญ
5.พระอรหันต์ ๔ ประเภท
พระอรหันต์ ๔ ประเภท
๑ สุกขวิปัสสโก เป็นผู้รู้อย่างค่อยละเอียดลออ บรรลุอย่างสงบเงียบ และไม่รู้ขณะ
เปรียบการเดินทางนั่งรถแล้วหลับสบาย
เมื่อถึงจุดหมายยังไม่รู้สึกตื่น (เปรียบกิเลสหมดสิ้นไปจากใจแต่ไม่รู้ฯ) คนขับต้องมาปลุกให้ตื่น (เปรียบสิ่งทดสอบ) จึงรู้ว่าถึงแล้ว
เช่น พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร
๒ เตวิชโช เป็นผู้ได้วิชชา
๓ บรรลุรู้ขณะ เปรียบกับการเดินทางนั่งรถไปแล้วได้ชมทิวทัศน์ต่างๆไปด้วย เมื่อถึงจุดหมายปลายทางจึงรู้เองและเห็นเองว่าได้ไปถึงที่แล้ว
พระโสภิตเถระ เอตทัคคะในทางระลึกปุพเพนิวาสานุสติญาณ
คือการระลึกชาติหนหลัง
๓ ฉฬภิญโญ เป็นผู้ได้อภิญญา ๖ และแสดงฤทธิ์ได้ เช่น สามารถเหาะเหินเดินอากาศ
รู้จิตใจของผู้อื่น เป็นต้น บรรลุรู้ขณะ
เปรียบเช่นข้อ ๒ พระมหาโมคคัลลานะเถระ เอตทัคคะในทางผู้มีฤทธิ์
๔
จตุปฏิสัมภิทัปปัตโต แตกฉานเต็มเหนี่ยว กว้างขวางลึกซึ้งและสอนเก่ง บรรลุรู้ขณะ เปรียบข้อ
๒ –
๓ พระมหาโกฏฐิตเถระ เอตทัคคะใน
ทางแตกฉานในปฏิสัมภิทา ๔ “ สังฆาปาราชิกไม่มีในพระอริยบุคคล และเมื่อได้หลุดพ้นไปจากสมมุติด้วยประการทั้งปวงแล้ว พระอรหันต์นั้นท่านจึงเป็นสติวินัย คือฉลาด รอบคอบ รอบตัวและ
|
รอบกับทุกสิ่งที่มาเกี่ยวข้อง
ไม่มีปัญหาอะไรกับสมมุติ
เป็นอฐานะคือเป็นไปไม่ได้ (อย่าไปโจษท่านฯ)
การปฏิบัติไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นสุกขวิปัสสโก
เตวิชโช ฉฬภิญโญหรือจตุ
ปฏิสัมภิทัปปัตโต
เพราะจะทำให้สงสัย ไม่ต้องแข่งกับใคร ชนะตนได้นั้นประเสริฐสุด คือทำให้กิเลสหมดสิ้นไปจากใจแล้วก็เป็นใช้ได้ (เพียงพอและ สุดยอด) ถึงเวลานั้นแล้วไม่ดีดไม่ดิ้น (ไม่ตื่น สักแต่ว่าฯ) เพราะนั่นคือสอุปาทิเสสนิพพาน (ที่สุดแห่งทุกข์
ที่สุดแห่งจิตและเป็นชาติสุดท้าย) ”
สายตรงพ้นทุกข์ (ทางลัด) โดย พระ สุปัญญา ธนปัญโญ
สายตรงพ้นทุกข์ (ทางลัด) โดย พระ สุปัญญา ธนปัญโญ
4.นิพพาน ๒
๑ สอุปาทิเสสนิพพาน (มีชีวิตและขันธ์ ๕) ประสบกับเวทนาบ้าง แต่เวทนาไม่สามารถซึมซาบเข้าถึงจิต สักแต่ว่ารู้ๆไม่เป็นกิเลส ไม่มีเกิดดับ (เที่ยงตลอดฯ) พระอรหันต์ไม่มีเวทนาทางใจมีแต่เวทนาทางกาย จิตเป็นกลางๆไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่ยินดีไม่ยินร้าย ไม่สะทกสะท้าน จิตปล่อยวาง ๑๐๐ % ปล่อยวางข้างนอก ปล่อยวางข้างในและปล่อยวางด้วยประการทั้งปวง(ที่เป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่ใช่โดยสัญญาความรู้ความจำหรือว่าการฝึกดัด)
๒ อนุปาทิเสสนิพพาน (ปกหน้า)
ขันธ์ ๕ แตกดับคือตาย การรับรู้
อารมณ์ทั้งปวงดับสนิท จิตเป็นธรรมธาตุ (ธรรมธาตุครอบไตรโลกธาตุ) สุดแดนสมมุติ ที่สุดแห่งจิต ที่สุดแห่งทุกข์และเป็นบรมสุขตลอดกาลนาน
สายตรงพ้นทุกข์ (ทางลัด) โดย พระ สุปัญญา ธนปัญโญ
สายตรงพ้นทุกข์ (ทางลัด) โดย พระ สุปัญญา ธนปัญโญ
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)